ชิปปิ้งจีน ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) นอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว ยังรวมไปถึงปริมาณการขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์จากทั่วโลกและผลประกอบการที่ลดลงอีกด้วย
บริษัทที่ให้บริการขนส่งสินค้าด้วยตู้คอนเทนเนอร์ ต่างต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง
ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า การปิดท่าเรือหลักจากไวรัสที่อุบัติใหม่
Yale Logistics จึงได้รวบรวมข้อมูลที่สำคัญต่อการรับมือกับสถานการณ์เหล่านี้ เพื่อให้ทราบถึงแนวโน้มความรุนแรงที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก จากการสัมภาษณ์ของ Drewry บริษัทที่ปรึกษาและผู้วิจัยอิสระสำหรับอุตสาหกรรมพาณิชย์นาวี ที่ได้สัมภาษณ์กับผู้ประกอบการท่าเรือของจีน ระบุว่าปริมาณสายการเดินเรือลดลง 20-40% ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคมถึง 10 กุมภาพันธ์ 2020 ส่วนบริษัทอื่นๆ ก็มีอัตราการลดลงที่คล้ายๆ กัน นอกจากนี้ ผู้ให้บริการขนส่งทางทะเลยังยกเลิกการเดินเรือประมาณ 105 ครั้งในเส้นทางจากเอเชียไปยังอเมริกาเหนือและยุโรป ทำให้ขาดแคลนรายได้ประมาณ 1 พันล้านดอลล่าร์และสร้างความเสียหายให้แก่ผู้ให้บริการเป็นจำนวนมาก
สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในขณะนี้ การจัดส่งสินค้าด้วยตู้คอนเทนเนอร์ภายใต้สถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด มีอยู่ 3 กรณี กรณีที่ดีที่สุดคือทั่วโลกสามารถรับมือได้อย่างรวดเร็วและได้รับผลกระทบน้อย สำหรับกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือมีการเสียชีวิตจำนวนมากและทำให้เศรษฐกิจทรุดลง รวมทั้งกรณีที่ Drewry ได้คาดการณ์เอาไว้ ซึ่งก็มีแนวโน้มเป็นไปได้สูง
1. กรณีที่ดีที่สุด
การแพร่กระจายของ COVID-19 นอกประเทศจีนอย่างฉับพลัน ทำให้มีผู้ติดเชื้อไวรัสในต่างประเทศจำนวนมากเกินคาด ซึ่งตลาดตู้คอนเทนเนอร์ก็ได้รับผลกระทบโดยตรง ในขณะที่ท่าเรือในจีนนอกจากอู่ฮั่นแล้ว ยังคงเปิดให้บริการอยู่ตามปกติ แต่ท่าเรือเหล่านี้ไม่ได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพนัก เนื่องจากการขาดแคลนพนักงานที่มีข้อจำกัดด้านการเดินทางและมาตรการกักกันโรค รวมทั้งการปิดโรงงานที่มากขึ้นและการจำกัดการเคลื่อนย้ายของสินค้า
แม้รัฐบาลจีนจะอนุญาตให้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นปริมาณการใช้ตู้คอนเทนเนอร์ให้เพิ่มขึ้น แต่ก็อาจไม่เพียงพอสำหรับการฟื้นตัวจากความเสียหายทั้งหมดตั้งแต่ไตรมาสแรก อย่างไรก็ตาม การขาดแคลนกำลังการผลิตทำให้อัตราค่าขนส่งของจีนจะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อความต้องการขนส่งกลับมา
2. กรณีคาดการณ์ของ Drewry
อัตราผู้ป่วยต่อวันในประเทศจีนดูเหมือนจะชะลอตัวลง ซึ่งจะเพิ่มความเป็นไปได้ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะกลับมาทำงานได้ตามปกติ แต่เมื่อมีกรณีอื่นๆ เกิดขึ้นในประเทศคู่ค้า ปัญหาก็อาจจะกลับตาลปัตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้า COVID-19 ระบาดในศูนย์กลางการบริโภคที่สำคัญของยุโรปและอเมริกาเหนือ ซึ่งจะทำให้ระดับความกลัวเพิ่มมากขึ้นและกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจนห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงักไปในที่สุด
หากไวรัสระบาดออกนอกประเทศจีนก็จะยิ่งทำให้ความสามารถของประเทศเหล่านั้นลดลงตามไปด้วย ส่งผลให้ตลาดตู้คอนเทนเนอร์มีโอกาสน้อยที่จะเติบโตได้ในปีนี้ ในขณะที่เศรษฐกิจโลกอ่อนแอและมีอุปสงค์น้อยลง ทำให้เศรษฐกิจฟื้นฟูได้ช้า รวมทั้งคาดว่าจะมีการลดกำลังการผลิตลงและอัตราค่าระวางเรือจะไม่ได้เพิ่มขึ้นเหมือนกรณีแรก อีกทั้งยังคงมีแนวโน้มลดลงต่อไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
3. กรณีที่เลวร้ายที่สุด
สถานการณ์ไวรัสระบาดในจีนยังเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดา ปัจจุบันมีแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นจนเข้าขั้นวิกฤติ เมื่อผู้คนรวมตัวกันและเดินทางกันอย่างอิสระ จึงต้องมีนโยบายกักกันโรคอีกครั้ง ซึ่งหากรวมกับการแพร่กระจายของไวรัสนอกประเทศจีน ที่มีโอกาสสร้างแผนฉุกเฉินน้อย ทั้งการผลิตและการบริโภคจึงต้องถูกจำกัด อีกทั้งเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มถดถอยลงจากการลดอัตราการไหลของตู้คอนเทนเนอร์ ในกรณีนี้คาดว่าอัตราค่าขนส่งจะลดลงในระยะยาว รวมทั้งความเสี่ยงของการล้มละลายของผู้ให้บริการจะเพิ่มขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงแนวโน้มนี้ สายการเดินเรือจึงถูกบังคับให้ทบทวนสคริปต์ของวิกฤตการเงินในทศวรรษที่ผ่านมา รวมทั้งถอนการผลิตขนาดใหญ่ที่ไม่ได้ใช้งานและที่ต้องทำลาย อ่านวิธีรับมือกับผลกระทบของ COVID-19 สำหรับผู้ค้าปลีกได้ที่ 10 วิธีรับมือสำหรับผู้ประกอบการ ลดผลกระทบ Covid-19
ตลาดตู้คอนเทนเนอร์และชิปปิ้งจีนดูเหมือนว่าจะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อย่างหนักและยังไม่สามารถคาดเดาแนวโน้มได้อย่างชัดเจนนัก ในอีกมุมมองหนึ่งโลกมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์เพียงพอจากการระบาดของโรคครั้งใหญ่ เช่น SARS, MERS และ Ebola ที่สามารถใช้เป็นแนวทางในการป้องกันและหวังว่า COVID-19 จะถูกจำกัดได้ในเร็ววันหรืออย่างน้อยก็มีความเข้าใจที่ดีขึ้นที่จะทำให้ประเทศต่างๆ สามารถปกป้องสุขภาพของประชาชนและเศรษฐกิจไว้ได้
ที่มา: hellenicshippingnews