นำเข้าสินค้าจากจีน อุตสาหกรรม E-Commerce เติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ในช่วงที่ผ่านมาตลาด E-Commerce ใหม่ได้เกิดขึ้นและหลายๆ ตลาดกำลังตั้งเป้าหมายใหม่ที่ท้าทายเพื่อครองความเป็นผู้นำตลาด
เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกหันมาช็อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น อุตสาหกรรม E-Commerce จึงเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกที่เติบโตในอัตราที่สูงเกือบทุกประเทศ ซึ่งประเทศที่ประสบความสำเร็จในตลาดสายนี้ เรียงจากมากที่สุดไปน้อยสุด มี 10 ประเทศ ดังต่อไปนี้
1. จีน
วันนี้จีนครองความเป็นผู้ตลาด E-Commerce ใหญ่ที่สุดในโลกแซงหน้าสหรัฐอเมริกาไปเป็นที่เรียบร้อย นำโดย บริษัท ย่อยของกลุ่มอาลีบาบา ได้แก่ Taobao, Alibaba.com, Tmall และอื่น ๆ อาทิ สินค้าตราห้างจากจีน ที่วางขายบนแพล็ตฟอร์ม E-Commerce เช่นกัน ด้วยอัตราการเติบโต 35% ต่อปี จีนยังเป็นหนึ่งในตลาด E-Commerce ที่เติบโตเร็วที่สุด โดยมียอดขายออนไลน์ประจำปีเท่ากับ 672 พันล้านเหรียญสหรัฐและส่วนแบ่งของยอดค้าปลีกทั้งหมด 15.9%
2. สหรัฐอเมริกา
หลังจากกุมตลาด E-Commerce มายาวนานกว่าทศวรรษ ปัจจุบันสหรัฐอเมริกาหล่นไปอยู่ที่อันดับ 2 ของโลก นำโดยยักษ์ใหญ่ด้าน E-Commerce อย่าง Amazon และ ebay โดยแนวโน้มของ E-Commerce ใหม่ในสหรัฐฯ คือบ้านนวัตกรรม สำหรับรายได้ออนไลน์ต่อปีอยู่ที่ 340 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐและส่วนแบ่งของตลาดค้าปลีก 7.5%
3. สหราชอาณาจักร
แม้จะมีขนาดเล็ก แต่สหราชอาณาจักรก็เป็นผู้ครองตลาด E-Commerce รายใหญ่และเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมี เว็บไซต์ Amazon U.K. , Argos และ Play.com เป็นเว็บไซต์ E-Commerce รายใหญ่ที่สุด ด้วยเปอร์เซ็นต์สูงสุดของยอดค้าปลีกทั้งหมด รายได้ออนไลน์ต่อปีอยู่ที่ 99 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐและส่วนแบ่งของตลาดค้าปลีก 14.5%
4. ญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นเป็นผู้นำด้าน E-Commerce ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่นิยมช็อปปิ้งผ่านสมาร์ทโฟน โดย Rakuten เป็นแพลตฟอร์ม E-Commerce ชั้นนำของญี่ปุ่น ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้กว้านซื้อเว็บไซต์ E-Commerce จำนวนมากทั่วโลก รายได้ออนไลน์ต่อปีอยู่ที่ 79 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ ส่วนแบ่งของตลาดค้าปลีก 5.4%
5. เยอรมนี
เยอรมนีเป็นตลาด E-Commerce ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของยุโรป รองลงมาจาก U.K. Amazon ซึ่งได้รับความไว้วางใจในตลาดของเยอรมนีเช่นกัน ส่วน eBay และผู้ค้าปลีกออนไลน์ในท้องถิ่นของเยอรมนีอย่าง Otto ก็เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์ม E-Commerce รายใหญ่ในประเทศ ซึ่งมีรายได้ออนไลน์ต่อปี 73 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐและส่วนแบ่งของตลาดค้าปลีก 8.4%
6. ฝรั่งเศส
ตลาด E-Commerce ของฝรั่งเศสติดอันดับ 6 ของโลก นำโดยแพลตฟอร์มชั้นนำอย่าง Odigeo และ Cdiscount ด้าน Amazon ยังคงมีส่วนแบ่งตลาดในฝรั่งเศสเช่นเดียวกับตลาด E-Commerce สำคัญอื่นๆ ในยุโรป แต่แบรนด์ท้องถิ่นนั้นดูเหมือนจะมีการจัดการที่ได้เปรียบเหนือกว่าสหรัฐอเมริกา วัดได้จากรายได้ออนไลน์ต่อปี 43 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐและส่วนแบ่งของตลาดค้าปลีก 5.1%
7. เกาหลีใต้
เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงสุด โดย E-Commerce ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ได้แก่ Gmarket และ Coupang รวมทั้งเป็นหนึ่งในตลาด M-Commerce ชั้นนำอีกด้วย รายได้ออนไลน์ต่อปี 37 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ และส่วนแบ่งของตลาดค้าปลีก 9.8%
8. แคนาดา
แคนาดาเป็นตลาด E-Commerce ขนาดใหญ่ แต่มีการแข่งขันต่ำ โดยปกติแล้ว Amazon จะเป็นผู้ครองตลาด E-Commerce ของประเทศตามมาด้วย Costco รายได้ออนไลน์ต่อปี 30 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ และส่วนแบ่งของตลาดค้าปลีก 5.7%
9. รัสเซีย
ตลาด E-Commerce ของรัสเซียยังเรียกว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยมี Ulmart, Citilink และ Ozon เป็นผู้ค้าปลีกออนไลน์รายใหญ่ที่สุดในประเทศ ซึ่งแม้ว่ารัสเซียจะเป็นประเทศที่มีประชากรผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุดในยุโรป แต่ยอดขายออนไลน์มีเพียงประมาณ 2% จากยอดขายรวมเท่านั้น รายได้ออนไลน์ต่อปี 20 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐและส่วนแบ่งของตลาดค้าปลีก 2%
10. บราซิล
บราซิลเป็นประเทศเดียวในอเมริกาใต้ ที่ติดอันดับในรายการนี้ โดยมีเว็บไซต์ MercadoLibre และ B2W เป็นผู้นำในตลาดของประเทศ อัตราการเติบโตของ E-Commerce ในบราซิลอยู่ที่ 22% มีรายได้ออนไลน์ต่อปี 19 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐและส่วนแบ่งของตลาดค้าปลีก 2.8%
นอกจากนี้ อินเตอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) นั้นส่งผลกระทบต่อตลาด E-Commerce กว่า 70% ของธุรกิจจะมีการใช้ IoT เพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าภายในปี 2564 ทำให้ตลาด E-Commerce มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นในทั่วโลก รวมถึงเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าที่จะสร้างปรากฏการณ์ใหม่ แต่จะเป็นไปในทิศทางใดนั้นต้องคอยจับตามองกันในอนาคต
ที่มา: www.business.com