อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการมือใหม่อาจไม่แน่ใจว่า ควรจะเลือกใช้พาเลทดีหรือไม่ และคุ้มค่าแค่ไหนหากคุณจะต้องเสียเงินเพิ่มอีกสักหน่อย วันนี้เรามีข้อดีของการใช้พาเลทสินค้ามาฝากเพื่อประกอบการตัดสินใจ

1. พาเลท รองรับน้ำหนักสินค้าได้มาก และมีความแข็งแรงสูง

ถึงแม้ว่าลักษณะของพาเลท จะเป็นแท่นสี่เหลี่ยมที่ดูมีขนาดไม่ใหญ่หรือขนาดมาตรฐานที่นิยมใช้ทั่วไปเท่ากับ 1,000 x 1,200 x 150 มม. แต่พาเลทนั้น มีความแข็งแรงมาก แต่โดยตัวของมันกลับมีน้ำหนักเบา ทั้งนี้ พาเลทผลิตจากวัสดุได้หลายชนิด เช่น ไม้ พลาสติก โฟม กระดาษ และโลหะ โดยแต่ละชนิดจะมีการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป สำหรับพาเลทที่นิยมใช้สำหรับอุตสาหกรรมชิปปิ้งนั้น คือ พาเลทไม้ เนื่องจากรองรับน้ำหนักสินค้าได้มาก อีกทั้งสามารถนำกลับมารีไซเคิลใช้งานต่อได้ใหม่หลายครั้ง

2. ช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บ

การจัดเรียงสินค้าบนพาเลทนั้น จะเป็นการจัดเรียงแบบแนวตั้ง จึงช่วยประหยัดพื้นที่แนวราบได้ดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บสินค้าในคลัง หรือการจัดเรียงบนตู้คอนเทนเนอร์เพื่อเตรียมส่งมอบ นอกจากนี้ การเคลื่อนย้ายพาเลทนั้น ยังสามารถใช้รถยก ซึ่งมีงาสำหรับสอดเข้าไปในช่องพาเลทแล้วทำการยกขึ้น จึงดำเนินงานได้อย่างรวดเร็ว และประหยัดเวลาได้ดีกว่าใช้แรงงานคนในการเคลื่อนย้าย

3. ป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับบรรจุภัณฑ์

เมื่อคุณใช้บริการพาเลทเพิ่มเติม บริษัทชิปปิ้งจีนจะทำการจัดวางกล่องสินค้าไว้บนพาเลท แล้วทำการแพ็คด้วยพลาสติกใสอีกรอบ เพื่อสินค้ากับพาเลทรวมเป็นชิ้นเดียวกัน ข้อดีคือ บรรจุภัณฑ์ของคุณจะไม่กระจัดกระจายหรือปะปนไปกับกล่องของลูกค้าคนอื่นๆ อีกทั้งยังป้องกันการกระแทกกับพัสดุอื่นๆ เพิ่มความปลอดภัยทั้งตัวสินค้าที่อยู่ภายในและภายนอกล่อง 

4. พาเลทนำกลับมาใช้ซ้ำใหม่ได้

ไม่ว่าพาเลทจะผลิตจากวัสดุใด ก็สามารถนำไปรีไซเคิลนำกลับมาใช้ใหม่ได้เสมอ โดยเฉพาะพาเลทพลาสติกและพาเลทโลหะ ซึ่งมีโอกาสน้อยมากที่จะขึ้นรา กันน้ำ กันชื้นได้ดีกว่าแบบนั้น อย่างไรก็ตาม วัสดุเหล่านี้สามารถละลายและนำไปรีไซเคิลใหม่ได้ ในขณะที่พาเลทไม้ส่วนใหญ่ จะมีความแข็งแรงมาก สามารถถอดประกอบและนำไปใช้สำหรับงานก่อสร้างอื่นๆ ได้ หรือใช้หั่นฝอยเพื่อป้องกันการกระแทกของสินค้าภายในบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ เศษไม้ที่เป็นฝอยยังสามารถนำมาทำเป็นปุ๋ยหมักได้อีกต่อหนึ่ง (อ่านเพิ่มเติม 7 สิ่งน่ารู้ของ Euro Pallet สำหรับการขนส่งระหว่างประเทศ )